เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

แหล่งสุมหัวของเหล่าโจรสลัด สาระมีไม่มีก็จัดมากันได้ที่นี่เลยจ้า

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย BluCero เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2016 9:55 pm

ตามสัญญาครับ กลั่นกรองมาจากลีโอ1กระป๋อง กับเด็กกระโปกเครื่องข้างๆ :D :D :D

หลังจากที่ผมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองไปในทิศทางที่ชอบจริงๆ เอาตัวออกห่างจากสิ่งที่ไม่ใช่ สิ่งที่ถูกบังคับมาเนินนาน รวมถึงตีตัวออกห่างอย่างห่วงๆจากคนที่ไม่ค่อยจะเข้าใจผม(รู้ว่าเขาห่วงผมก็ห่วงพวกเขา) ผมออกจากบ้านมาพร้อมกับกีตาร์1ตัว กระเป๋าเดินทางที่มีเสื้อผ้าไม่กี่ชุด สมุดสำหรับจดบันทึก กระเป๋าตัง ปิ๊กและซีดีเพลงสองสามแผ่น(ไม่มีโทรศัพท์มือถือด้วยนะเออ)

ผมพกเงินติดตัวมาด้วยประมาณ10000บาทกะอยู่อย่างราชาได้ซักสองสามเดือนชะลอเวลาไว้ก่อนเพื่อที่จะทำงานที่คิดไว้ให้เสร็จ(งานเขียน) ที่ไหนได้โง่บรมขอด่าหน่อย555 ครึ่งเดือนแรกก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วครับ เป็นเพราะส่วนหนึ่งผมติดสบายและฟุ่มเฟือยเกินไปด้วยแหละ แถมที่ที่ผมไปอยู่ก็แสงสีบันเทิงจัดเต็มสุดๆ ไปนั่งร้านตอนกลางคืนแปปหมดไป1000-2000ละ (ผมเช่าคอนโดของคนรู้จักซึ่งให้ความกรุณากับผมมากๆ ตอนแรกกะจะให้อยู่ฟรีเลย แต่ผมรู้สึกแปลกๆเลยขอเป็นเดือนละ1000 แทน(ไม่รวมน้ำไฟ))

ทุกวันที่ผมตื่นมาจะอยู่ในสภาพมึนๆเสมอ เหม่อลอยเคว้งคว้างคิดถึงความฝันของตัวเองในอนาคต ชื่นชมตัวเองแบบโง่ๆว่าเท่จังเลยที่ออกมาอยู่คนเดียวได้ซักที ล่องลอยไปกับความคิดประหลาดๆ พอตกเย็นก็ออกไปเดินเล่นแล้วก็จบที่ร้านดื่ม (สรุปคือไม่ได้เริ่มทำห้าอะไรเลยที่เกี่ยวกับงานเขียน) อยู่ไปได้ประมาณสัปดาห์กว่าๆเงินหมดไป 7000 แล้ว OMG พระเจ้านี้มันอะไรของกรูฟ่ะเนี้ย เกิดมาไม่เคยฟุ่มเฟือยเละเทะขนาดนี้มาก่อน เหลวไหลและเหลวแหลกที่สุดในชีวิต คือมันดำดิ่งลงไปแบบน่ารังเกียจมากๆอะครับ ตอนนั้นสภาพไม่ต่างจากซากคนเลย ขี้เมาหยำเป หัวราน้ำ บ่นๆ 55555

จนวันหนึ่ง เด็กร้านที่ผมไปนั่งบ่อยๆเขาลาออกไป ผมเลยไม่เข้าไปในร้านวันนั้น เอาเวลาทั้งคืนไปนั่งอยู่ริมชายหาดกับเบียร์ 4 กระป๋อง นั่งมองคลื่นไปเรื่อยเปื่อยคิดอะไรเพลินๆ พอเริ่มเมาก็เริ่มคึกนั่งร้องเพลงอยู่คนเดียว ปรากฏว่ามีฝรั่งคนหนึ่งเขาชอบเพลงคล้ายกับผม(The Beatles,Oasis) พอเขาได้ยินผมหอน เขาซึ่งเมาได้ที่เหมือนกันก็มาร่วมกันหอนด้วย แล้วก็ชมว่าผมร้องดี ตอนแรกก็ไม่เอะใจอะไรหรอก เพราะเมา เมาทั้งคู่ด้วย555 แต่พอคิดไปคิดมา เออ เรามาลองเปิดหมวกหาตังแถวๆนี้ก็ได้นี้หว่า แอบๆเล่นเทศกิจเล่นเอา

ว่าแล้วผมก็รีบกลับห้องไปแกะเพลงทันทีเลย กะว่าวันต่อมาจะมาลองของซะหน่อย ช่วงนั้นผมคิดอะไรแล้วลงมือทำหมดทุกอย่างเลย แบบว่าหลุดโลกมาก 555 (เคยคิดจะขโมยมอเตอร์ไซด์ครั้งหนึ่ง แต่ดันเห็นเจ้าของเขามากับลูกก่อนเลยเปลี่ยนใจ เลวมากเรา)

บ่ายของวันถัดมา ผมพกความร้อยใจไป120 กับเงินอีก200 แล้วก็กีตาร์โปร่ง 1 ตัว ดรอปสายเรียบร้อย ไม่มีการเอาโพยเอากระดาษใดๆไปทั้งสิ้น เนื้อเพลงและคอร์ดอยู่ในหัวของผมหมดแล้ว เดินหาทำเลและช่องทางหลบหนีได้ครู่หนึ่ง ผมก็ลงหลักปักฐานบรรเลงบทเพลงสี่เต่าทองทันที

ฟีดแบคดีมากครับ เล่นไปได้ครึ่งเพลงฝรั่งแถวนั้นก็เริ่มสนใจโดยเฉพาะพวกรุ่นใหญ่ที่กำลังหาซื้อเบียร์กับม่อสาวแถวนั้นอยู่ บางคนถึงกับมายืนจับกลุ่มคุยกันต่อหน้าผมเลย ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคุยอะไรกัน แต่เห็นทำท่าทางในเชิงบวก ก็เลยจัดแม่มต่ออีก4เพลงรวด เขาก็เริ่มมีเขียนกระดาษส่งมาให้ผมโดยมีชื่อเพลงที่เขาต้องการอยู่ในนั้น3เพลง (ตอนนั้นเล่นได้2เพลง) พร้อมกับแนบแบงค์พันมาด้วย

พระเจ้ายอด ผมนี้มือสั่นเลยครับ อันบีลิฟเอเบิ้ล สุดๆ ก็รับมาแล้วก็แต๊งกิ้วๆ ไอ วิล ดู มาย เบสท์ แล้วผมก็จัดไปตามที่เขาขอ โดยจัดไปแค่2เพลงเท่านั้นเพลงที่สามทำฟอร์มเหนื่อยเขาก็เข้าใจแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป ยอดรวมวันนั้นกวาดรายไป 1200กว่าบาท ใน 1 ชั่วโมงครึ่ง โคตรเมพ โคตรเมพ นับจากวันนั้นผมก็ไม่โผล่หัวไปร้านเหล้าอีกเลย 555 เอาเวลาทั้งคืนไปนั่งแกะเพลง ไปตามร้านขายเพลงในห้างเนียนฟังเพลงบ้าง ไปดูร้านหนังสือไปแอบยืนจำคอร์ดบ้าง เรียกได้ว่าขลุกอยู่กับกีตาร์จนแทบจะเอาเป็นเมียเลยทีเดียว

ช่วงนั้นรายรับผมต่อวันจะตกที่ 400-500 ต่อชั่วโมงครึ่งนะครับ เคยมีสูงสุดอยู่ที่ 2000 คือแถวที่ผมเล่นเนี้ย ส่วนใหญ่จะเป็นที่ที่ฝรั่งเดินไปเดินมากันเยอะ และฝรั่งนี้เป๋าหนักกันมาก
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะแปลกใจนะ ว่าทำไมผมถึงเล่นแค่วันละ ชั่วโมงครึ่ง คือ แถวที่ผมไปแอบเล่นมันเป็นทำเลทองอะครับ จะมีเจ้าถิ่นมาตอนเย็นๆ เขาจะมาเล่นพวกเพลงเพื่อชีวิตกับเพลงฝรั่งเก่าๆแนวEagle CCR อะไรพวกนี้ แล้วเขาจะโหดกับคนที่พยายามจะมาแย่งที่เขามาก(ฟังมาได้ข่าวว่ามีดักกระทืบด้วย) ผมเลยต้องอยู่แบบฉวยโอกาสช่วงที่เขายังไม่มาเล่นกัน(แดดร้อนโคตร หน้าไหม้ทุกวัน)

อีกหนึ่งปัญหากวนใจของผมนั้นก็คือเทศกิจ (ผมก็น่าจะกวนใจเขาเหมือนกัน555) มีสองคน อ้วนผอมตามสูตร ชือพี่ ท. กับ พี่ พ. (ขอใช้เป็นชื่อย่อ) แกสองคนไล่จับผมแทบจะทุกวันเหมือนการ์ปไล่จับโรเจอร์ก็ไม่ปาน ผมเคยถูกแกจับได้นะ แต่แค่ครั้งเดียว คือครั้งแรกเลย แล้วก็ถูกปล่อยตัวไปแบบมึนๆ ส่วนครั้งต่อๆมา ฮึม ไม่ได้แล่กตรูหลอก (ปัจจุบันสนิทกันแล้วสังสรรค์กันบ่อยพอสมควร)
ผมจึงใช้วิธีนี้เลี้ยงชีพไปวันๆก่อน ประกอบกับลดค่าใช้จ่ายไร้สาระไปด้วยจึงทำให้มีเงินเก็บมาซื้อโทรศัพท์กากๆใช้ แล้วก็มีเงินไปหาจิตแพทย์... โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล. ไหนวะ สาวฝรั่งเศส!!!! ใจเย็นๆครับ อันนี้ปฐมบท 55555555 ตอนแรกจะเขียนเลยแต่ดันเขียนเกริ่นมันมือไปหน่อยยาวเฉยเลย(แต่ถ้านับจากเรื่องจริงถือว่าย่อมากกกกก)
นักดนตรีจอมยียวน แห่ง กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน

ยิ่งโตยิ่งกลัวอะไรที่ไม่ชัวร์ก็คงไม่มั่วแล้วลงมือ
BluCero
 
โพสต์: 730
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 11:25 am
ที่อยู่: เรือ Windy Mcbrine

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย Goku ss4 เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 10:08 am

ถ่ายทอดออกมาได้สนุกสนานดีครับ

แต่ในความเป็นจริงมันคงไม่สนุกเหมือนที่เล่าแน่ๆ

ปล. 1 อ่านจนจบ ไหนฟระสาวฝรั่งเศส :lol:
ปล. 2 ในอาทิตย์หน้า เดือน - สองเดือนข้างหน้า มีแผนมั้ยครับว่าจะทำไรต่อ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Goku ss4
 
โพสต์: 1410
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 8:34 am

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย BluCero เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 11:12 am

Goku ss4 เขียน:ถ่ายทอดออกมาได้สนุกสนานดีครับ

แต่ในความเป็นจริงมันคงไม่สนุกเหมือนที่เล่าแน่ๆ

ปล. 1 อ่านจนจบ ไหนฟระสาวฝรั่งเศส :lol:
ปล. 2 ในอาทิตย์หน้า เดือน - สองเดือนข้างหน้า มีแผนมั้ยครับว่าจะทำไรต่อ



ของจริงลำบากมากครับ นึกท้อใจอยากตายอยู่หลายหน ความจริงก็มีเรื่องดาร์คๆ เกิดขึ้นพอสมควรแต่ไม่ได้เขียนลงไป เช่น ผมเล่นกับน้องญาญ่า :lol: :lol:

สาวฝรั่งเศสจะโผล่มาในตอนต่อไปครับ(กลายเป็นเรื่องสั้นไปซะละ)

ช่วงนี้กำลังเร่งปั่นต้นฉบับไปส่ง สนพ อยู่ครับ มีแผนจะไปลงสื่อสารมวลชนที่รามคำแหงครับ ระหว่างนี้ก็หาเงินหลายทางเท่าที่จะทำได้อยู่ :lol: :lol: (เดี๋ยวจะเล่ามาให้เนื้อเรื่องครับ)


ปล. นี้ผมนั่งร้านคอมมา เกือบจะวันหนึ่งเต็มๆแล้วครับ 555 ไม่ได้เล่นเกมนะฟังเพลงอย่างเดียว แล้วก็พิมพ์บทความด้วย
นักดนตรีจอมยียวน แห่ง กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน

ยิ่งโตยิ่งกลัวอะไรที่ไม่ชัวร์ก็คงไม่มั่วแล้วลงมือ
BluCero
 
โพสต์: 730
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 11:25 am
ที่อยู่: เรือ Windy Mcbrine

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย BluCero เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 11:12 am

ผมยังชีพด้วยวิชาดนตรีข้างถนน จนมีเงินเก็บประมาณหนึ่งแล้วก็เริ่มมองหาโอกาสอื่นๆต่อ ตอนแรกคิดไว้ว่าจะหาสมัครพรรคพวกไปบุกตามร้านคลาสิคกัน ก็หายากเกิน คนรุ่นเดียวกันที่ชอบเพลงแนวเดียวกันแล้วเลือกที่จะเล่นดนตรีแบบเดียวกันนั้น ข้างกายผมหามีไม่เลย(ช่วงที่เริ่มดีขึ้นแล้วผมลักลอบติดต่อกับเพื่อนๆบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ยังระวังตัวแบบสุดๆกลัวถูกตามเจอ)

ต่อมาผมเริ่มเป็นที่รู้จักในนาม BlueBeach (ผมสถาปนาตัวเอง แล้วให้เขาเรียกว่าอย่างนั้น 5555) เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ฝรั่ง(แก่ๆ) คือไม่มีสาวๆเลยครับ ถ้าสาวก็สาวรุ่นเดอะแล้ว มาเต้นรำกับผัวหน้าการแสดงของผม เริ่มมีของขวัญอย่างอื่นมาให้บ้าง พวกซีดีเพลงเก่าๆ แผ่นเสียง(ได้มาอันเดียวและยังเก็บไว้อย่างดี) อาหาร เครื่องดื่มๆ แหม ยังกะแฟนคลับ นั้นทำให้เด็กกะโปโลอย่างผมเริ่มจะหยิ่งผยองในชื่อเสียงจอมปลอมเล็กๆน้อยๆแบบนี้(แหม พื้นฐานผมนี้เป็นคนนิสัยเสียจริงๆเลย)

บ่ายของวันหนึ่ง(เข้าเรื่องเลยละกัน เดี๋ยวจะออกทะเลไปมากกว่านี้)ซึ่งเป็นวันแรกที่ผมได้พบกับเธอ ผมออกมาเล่นดนตรีตามปกติเตรียมบทเพลงเพราะมาฝากชาวฝรั่งละแวกนั้นอย่างครบครั้นเก็บข้อมูลมาและสร้างประสบการณ์มาพอสมควรว่าจังหวะไหนต้องเล่นอะไรจังหวะไหนต้องพูดคุย ตั้งเครื่องปุ๊บก็จัด Ticket to ride ไปก่อนเลย
Adam กับ Billy(นามสมมติ) รู้เวลาที่ผมจะมาเล่น เขามักจะมานั่งรอและสูบบุหรี่กันไปพลาง(ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ได้มารู้จักกันเพราะว่ามายืนดูผม) วันนั้นAdamบอกผมว่า วันนี้รองเท้านายสวยดีนะ ผมตอบไปว่า ฟอร์ รัน แล้วก็เล่นเพลงต่อไป (AdamกับBillyเป็นเกย์ ปัจจุบันทั้งคู่ยังคงคบหาดูใจกันอยู่ เราเจอกันที่ชายหาดบ้างเป็นครั้งคราว) พอเล่นไปคนก็เริ่มมามุงเหมือนเดิมทุกวันแหละครับ พอคนเริ่มมามุงก็เริ่มได้เงินมากขึ้น แต่ต้องแลกกับความเสี่ยงที่ต้องถูกพบโดยการ์ป(พี่ท.และพี่พ.) ดังนั้นผมจึงต้องคอยทำสัญญาณให้ผู้ชมทางขวามือของผมเคลียร์ทางไว้ให้ก่อนเสมอ ซึ่งพวกเขาก็จะรู้ได้กันเองเลย

แล้วการ์ปก็มาจนได้ครับ แกจะเป่านกหวัดดังขึ้นมาก่อน นั้นละสัญญาณวิ่ง ผมเก็บกีตาร์กวาดตังลงช่องไอเท็ม บอกลาแฟนๆและรีบโกยแนบไปในทางตรงข้ามทันที พวกคนดูเขาจะยืนทำตีมึนเป็นการ์ดให้ผมระยะหนึ่งเหมือนกัน ทำให้ผมไม่ถูกจับได้ทุกครั้ง แล้ววันนั้นมันก็เหมือนในหนังน้ำเน่าเลยครับ ผมกำลังหันไปโบกมือให้การ์ป หัวเราะเยาะใส่พวกเขาที่จะต้องดื่มด่ำกับความพ่ายแพ้อีกครั้งในวันนี้ อนิจจาผมดันไม่ดูทาง สนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง ตูม เฮ้ กาย วอชเอาท์ ผมหันไปบอกเขาแบบมีน้ำหนักเสียง(ตรูผิดแท้ๆ) เขาลุกขึ้นมาแล้วก็บอกว่า โอเคโอเค(ฝรั่งตัวเล็กหน้าเด็ก)ลุกขึ้นมาปัดๆแล้วก็ ขอโทษผม(ผมรู้สึกผิดนิดๆ แต่ก็เก๊กหน้าไว้ ตอนนั้นผมค่อนข้างเหลิงพอตัว555) พอผมลุกขึ้นมาได้ก็เจอกับ...
สาวน้อยคนหนึ่งกำลังเดินข้ามเดินมาทางชายหาด(ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้หนุ่มเมื่อกี้เลย555)

เธอเป็นสาวฝรั่ง ผิวสีน้ำตาลเข้ม หน้าตาคล้าย Iggy Azarel ไว้ผมฟูๆ วันนั้นเธอใส่เสื้อกล้ามสกรีนลายไอเลิฟไทยแลนด์กับกางเกงยีนส์เข่าขาด รองเท้าแตะแอดด้า สวมแว่นดำแบบบรูโน่มาร์

ผมยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง เหมือนถูกหยุดเวลาด้วยสายตา เราจ้องมองกัน(หรือผมจ้องคนเดียวไม่รู้ เพราะเธอใส่แว่นดำอยู่) และจากนั้นผมก็ถูกการ์ปรวบทันทีเนื่องจากสตั๊นท์นานไปหน่อย ต่อมาผมถูกจับไปที่โร๊คทาวน์บ้านเกิดแต่ถูกประหาร ผมเลยบอกชาวโลกว่าวันพีซมีอยู่จริงและ... พอๆๆ 5555

จังหวะที่ถูกรวบตัวนั้น เธอหันมามองพอดี ผมยิ้มให้เธอ และเธอก็ยิ้มตอบ อ๊าย โคตรจะฟิน
ผมถูกการ์ปเทศหูเปิง เลยติดค่าวิ่งให้แกไปคนละ 500 เรื่องจบ แฮปปี้

แต่เรื่องของผมยังไม่จบ ผมวิ่งตามเธอไปห่างๆ แอบตามดูว่าเธอจะที่ไหน เธอมาเมืองไทยกับใคร และที่สำคัญเธอมีปั๋วหรือมีลูกแล้วหรือยัง แต่วันนั้นการจราจรไม่เป็นใจครับ ตามไปได้แปปเดียวก็คาดสายตาเลย ตอนแรกก็ใจหายนะแล้วก็ทำใจแล้วละ มันเจอกันโดยบังเอิญที่นี้ก็มีฝรั่งตั้งหลายคน หน้าก็คล้ายๆกันหมด คงจะเจอยากแล้วละ จะไปประกาศหาในพันทิปก็กระไรอยู่ ผมก็เลยตัดใจไปหนึ่งนิดแล้วก็ไปโฟกัสกับงานต่อ

วันต่อมาผมมาก่อนเวลา เจอAdamกับBillyเหมือนเดิม ผมเลยเข้าไปถามพวกเขาว่า พอจะรู้จักสาวประมาณนี้ไหม เขาก็หัวเราะแล้วส่ายหน้ากัน บอกประมาณว่า ไอ้บักหำเอ็งจะมาหาคู่แท้หรือคู่นอนล่ะ ถ้าคู่แท้ก็อย่าหวังเดี๋ยวเขาก็กลับประเทศแล้ว ถ้าคู่นอนวันนี้เองเล่นให้จบเดี๋ยวข้าจะพาไป ผมก็เออช่างแม่มไม่เจอก็ไม่เจอ ได้เวลา เมคมันนี แล้ว
วันนั้นผมเล่นใหญ่เลยครับ เอาแอมป์ตัวเล็กไปด้วยกะจะเป็นจุดเด่นเลย เพราะปกติผมจะเล่นกับกีตาร์โปร่งอย่างเดียว เน้นบรรยายกาศชิลๆกับเสียงคลอๆมากกว่า

เพลงแรกผมจัด Wonderwall ของ Oasis ก่อนเลย เสียงดังมาก 555 คิดไว้ในใจและ การ์ปมาแน่ จบเพลงสองต้องมีคนไปฟ้องการ์ปแน่ เพลงที่สองผมเลยเล่นเพลงช้าบ้างเพื่อลดความเอิกเกริก พอเพลงที่สามคนเริ่มมุงผมก็เริ่มสาดสายตามองแล้วว่าปลาของผมมากินเหยื่อหรือยัง

ปรากฏว่าเธอมาจริงๆ ยืนมองเข้ามาจากวงนอกๆ(วันนั้นเป็นวันแรกที่มีวัยรุ่นมาดูด้วย รวมถึงคนไทยบางคน เพราะผมทำเสียงดังนั้นเอง)

และเนื่องจากว่าวันนั้นมันเสียงดังมาก มากทำให้การ์ปออกมาไวมาก (เล่นไม่จบเพลงที่สามออกมา)ละ
ผมเห็นอ้วนผอมวิ่งมาไกลๆ ก็รีบบ๊ายบายแฟนๆเก็บข้าวเตรียมตัวจะวิ่งอย่างไว บิลลี่บอกผมว่า เอาลำโพงมาฝากอั๊วก่อนก็ได้พรุ่งนี้เจอกัน ผมก็เออดีจะได้วิ่งคล่องๆหน่อยเลยฝากเขาไป จากนั้นผมก็ลืมที่จะวิ่งไปทักทาย สาวคนนั้น ในจังหวะที่กำลังชุลมุน โย่ ยู ลุค โซ ไนซ์ ผมทักทายด้วยอาการลุกลี้ลุกลนมองซ้ายมองขวาชะโงกหลังทีดูลอกแลก เธอหัวเราะแล้วบอกว่า ยู ชูท เบเดอร์ รัน บอย ตอนนั้นขาผมจะไปแล้วละ แต่ปากดันไวกว่าขา ดู ยู ว้อน ยังไม่จบประโยคเธอก็ส่วนมาเลยว่าให้เจอกันที่ Mac ที่ห้างชื่อดังของละแวกนั้น 5โมง ด้อน บี เลท

เจดโด้.. ผมยิ้มตอบ โอเค ซี ยา แล้วก็สับทีนแหลกประดุจโรนัลโด้ทำประตูชัยพาเรอัลมาดริดคว้าแชมป์ลาลีกาเหนือบาร์เซโลน่า ผมเกือบจะแหกปากออกมาแล้ว ถ้าไม่ติดสุดแสนจะเหนื่อยจากการวิ่งเสียก่อน (สุดท้ายวันนั้นผมก็หนีการ์ปไม่รอด เสียไปอีกหนึ่งพัน พร้อมทั้งเล่าเรื่องสาวคนนั้นให้เขาฟังด้วย แล้วก็บอกว่าผมกำลังจะไปเดท เขาเลยเก็บผมแค่800พอ 55555 )

5โมงเย็นของวันนั้นผมไปด้วยชุดตัวเก่งแสดงความเป็นติ่งThe Beatles อย่างแท้จริง เสื้อยืด The Beatles อัลบั้ม Hard day’s night กางเกงสามส่วนสี่น้ำตาลออกยี่ห้อRipCurl(ปลอม) แล้วก็รองเท้าผ้าใบ Addios(มันเขียนงี้จริง 555) คือผมแต่งตัวเลวมาก แต่กะจะสร้างความประทับใจแรกด้วยการทำตัวเป็นกันเอง

เธอนั่งรอผมอยู่ในร้านพร้อมด้วย กาแฟ1แก้ว ใบหน้ายิ้มแย้ม มีเสน่ห์รอยยิ้มบาดตาบาดใจ ผมเดินตรงไปเข้าทักทายเธอเชิญให้ผมนั่ง เราทำความรู้จักกันครู่หนึ่งผมจึงรู้ว่าเธอชื่อ Paula(นามสมมติ) มาจากฝรั่งเศส มาเที่ยวกับพ่อแม่ แต่เบื่อที่พ่อแม่ชอบไปแต่วัด(ฝรั่งไปวัด?คงจะไปดื่มด่ำอารยธรรมและศาสนา) เธอเลยขอปลีกตัวมาทีนี้ ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไรเพราะโตๆกันแล้ว(คิดดูถ้าเป็นคนไทยอย่าหวังซะละลูกสาวด้วย) เธอถามผมว่าชอบ The Beatles มาเหรอ ผมก็บอกอืม ชอบมาก(เอาเพลงเขามาหาแหล่กด้วย555) เธอบอกว่าเธอชอบเหมือนกันตอนเด็กๆตาชอบเปิดให้ฟัง พ่อเลยสุ่มสีสุ่มห้าถามไปแล้วคุณตามาด้วยไหม คุณตาเสียแล้วค่ะ… มาคุไปช่วงหนึ่ง เลยต้องเปลี่ยนเรื่องไปคุยเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว เธอบอกว่าชอบดูแสงสี แต่ไม่ชอบเอาตัวเข้าไปเกี่ยวกับมัน ชอบเห็นผู้คนเดินไปมา แต่ไม่ชอบลงไปเดินท่ามกลางผู้อื่น (แหมช่างติสท์เหลือเกิน) วันนั้นผมไม่ได้พูดอะไรมาก จะเป็นเธอซะมากกว่าที่ชวนคุยโน้นคุยนี้ ผมรับหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี และคอยเป็นเบ๊เวลาเธออยากกินน้ำ และวันนั้นก็จบลงที่การแลกเบอร์กันแค่นั้น ผมนึกในใจแล้วว่าเธอคงจะไม่ติดต่อมาแน่นอนเพราะผมคงจะเป็นคนที่น่าเบื่อ แบบว่าไม่ค่อยถามไม่ค่อยพูดอะไร นั่งยิ้มๆอย่างเดียว อะไรประมาณนั้น สุดท้ายผมเลยบอกว่า พรุ่งนี้ผมจะมาเล่นเวลาประมาณบ่าย2-4 มาดูได้นะ แล้วผมก็เดินไปส่งเธอขึ้นรถประจำทาง จบตอน :D :D

ปล หน้าตาเธอประมาณนี้ ตัดไฝออก แล้วก็ยื่นจมูกออกมานิดๆ ผิวสีน้ำตาลเข้มๆ

รูปภาพ

ส่วนนี้ทรงผมเธอ ฟูประมาณนี้แต่ไม่ได้กลมขนาดนี้ สีผิวก็ประมาณคนนี้แหละ :lol:

รูปภาพ

แก้ไขล่าสุดโดย BluCero เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 12:47 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
นักดนตรีจอมยียวน แห่ง กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน

ยิ่งโตยิ่งกลัวอะไรที่ไม่ชัวร์ก็คงไม่มั่วแล้วลงมือ
BluCero
 
โพสต์: 730
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 11:25 am
ที่อยู่: เรือ Windy Mcbrine

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย BluCero เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 12:01 pm

วันต่อมาเธอมาเจอผมหลังเล่นดนตรีเสร็จ แล้วเราก็ไปนั่งรถเล่นกัน ผมถามเธอว่าดื่มแอลกไหม? เธอบอกว่าปกติจะดื่มเฉพาะกับเพื่อนๆหรือครอบครัวเท่านั้น ไม่ค่อยไปปาร์ตี้แบบมีคนแปลกหน้าเท่าไหร่ ผมเลยบอกว่า อ๋อ มี ทู(ตอแหล)
เราไปเดินเล่นกันที่ห้างเดินวนไปวนมา ส่วนใหญ่จะเน้นคุยกันมากกว่า วันนี้เธอเริ่มถามเกี่ยวกับตัวผมบ้างแล้ว ผมก็ตอบแบบคำต่อคำไม่ได้ยืดเรื่องราวอะไรมากนัก แล้วเราก็มาหยุดที่ร้านกีตาร์ เธอก็ถามว่าผมเล่นกีตาร์ไฟฟ้าได้หรือเปล่า เพราะในความคิดของเธอกีตาร์ไฟฟ้ามันดูเท่กว่ากีตาร์โปร่ง กีตาร์โปร่งมันดูแก่ ผมจูงมือเดินเข้าไปในร้านส่งสายตาเป็นนัยว่า คอยดูลีลาป๋า นะ ยัยหนู

เฮีย ขอลอง Les paul ตัวนั้นหน่อย ผมชี้นิ้วไปที่กีตาร์ทรงLes paulยี่ห้อGibson(ป้ายราคาเครื่องว่าสอบถาม เฉพาะนั้นราคาแม่มครึ่งแสนแน่นวล) เฮียแกให้ลูกจ้างมาสอยกีตาร์ให้ผม เสียบแอมป์เรียบร้อย ผมก็ตีเนียนทำเป็นคุยโน้นคุยนี้ สังเกตไปรอบๆร้าน เฮียแกชอบพวก Hard rock เก่าๆ ผมเลยจัด Solo เพลง Highway star ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าธารกำนัล (ตอนนั้นรู้สึกตัวเองเป็นRockstarมาก โรคหลงตัวเองกำลังครอบงำ) ผมเห็นพอลล่ามองมาตาเป็นประกาย รอยยิ้มแห่งความประทับใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก็เลยจัดไปอีกหนึ่ง Solo หวานๆ Sweet child O mine ได้คะแนนเพิ่มเข้าไปใหญ่ ใจจริงผมอยากจะเล่นเพลงฝรั่งเศสให้เธอฟังนะ ติดแค่ว่าไม่รู้จักเพลงฝรั่งเศสเลย

หลังจากโชว์หล่อกันไปแล้วก็ได้เวลาเดินเที่ยวกันต่อ เราไปเดินเล่นที่ชายหาดกัน ผมแบกกีตาร์ที่ไหล่ขวารู้สึกตึงๆแน่นๆที่บ่า มืออีกข้างถือรองเท้าของเธอไว้(เธอใส่ผ้าใบ ผมใส่อีแตะลุยได้ทั่วราชอาณาจักรไทย) เราเดินคุยกันจนฟ้ามืด น่าจะประมาณ ทุ่มกว่าๆ คุยทุกเรื่องที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า ทะเล หาดทราย กระเทย ตึก รถ คุยแม่มทุกอย่าง คุยแบบยื้อเวลาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นคนบอกลากัน ผมรู้สึกได้

ชอบดูหนังแนวไหน เธอถามผม ก็ตอบมั่วๆไปว่า แอคชั่น ความจริงตัวเองชอบแนวไหนยังไม่รู้เลย เธอเลยแนะนำว่าหนังประเทศเธอมีดังๆอยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ Free running ผมน่าจะชอบ ชื่อ B13 มีสองภาค เธอถามผมว่าเคยดูหรือยัง ผมตอบว่า ยังเลยครับ โอ้วมันเป็นหนังสนุกขนาดไหนกันนะ(ความจริงดูเป็นพันๆรอบละเรื่องนี้แล้วก็ชอบมากด้วย555 พระเอกลุคเหมือนพี่แบงค์วงแคลชอัลบั้มแรกๆมาก) แล้วอยู่ดีๆผมไม่รู้นึกคึกอะไร เจือกชวนเธอไปดูหนังที่ ห้อง ผมซะงั้น แล้วเธอก็บ้าจี้ตอบตกลงด้วย คือตอนพูดอะ เราก็พูดแบบติดตลกนะ อารมณ์ประมาณ แซวผู้หญิงไง ไปดูหนังกะพี่ไหมน้อง ที่ไหมคะ ที่ห้องพี่ไง แล้วผู้หญิงก็จะเขินๆหน่อย แต่คนพูดก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากใช่มะ แต่ อันนี้นางดันจริงจังไปด้วยไง โฮะโฮะโฮะ

เราก็เลยแวะไปที่ร้านขายดีวีดีกัน สอย B13มาสองภาค แล้วก็นั่งหอกลับไปที่ห้องผม
Fantastic คือคำอุทานคำแรกที่หลุดมาจากเธอเมื่อผมเปิดไฟห้อง จะว่ารกก็ไม่รกนะ มันเป็นการจัดห้องแบบมีสไตล์มากกว่า สไตล์ BlueBasic น่ะ 5555 ผมเชิญเธอไปนั่งที่โซฟาเปิดแอร์แล้วเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ พร้อมทั้งล้างตาแปรงฟัน ทำตัวเองให้ดูดีที่สุดเท่าที่หนังหน้าจะส่งขึ้นไปได้ แล้วเดินออกมาหล่อ เจอเธอกำลังพยายามเล่นกีตาร์ผมอยู่(ความจริงผมเป็นคนหวงกีตาร์มากนะ ไม่เคยให้ใครยุ่งเลย ใครยุ่งนี้ผมจะไม่ชอบมาก เกือบทะเลาะกับเพื่อนคนหนึ่งเพราะเรื่องมันเอาดินสอมาวาดกีตาร์ผมตอนเมานี้ละ แหม ของใครใครก็รักเนอะ) พอผมออกมาเธอก็วางกีตาร์(วางแบบคนวางไม่เป็นด้วย เป็นคนอื่นผมหวดร่วงไปละ 555) แล้วก็ขอใช้ห้องน้ำต่อ แล้วเธอก็หายเข้าไปประมาณ 5นาที ระหว่างรอผมก็เช็ดกีตาร์ลงน้ำยาแล้วเก็บใส่กล่องไว้(ผมจะมีกล่องกับซอง กล่องเอาไว้เก็บที่ห้อง ส่วนซองใช้ลุยนอกสถานที่) พอเธอออกมา ผมก็ชวนเธอดูนู้นดูนี้ในห้องมั่วเลย 555 พวกอัลบั้มรูป พวกของสะสมแปลกๆ สมุดบันทึกของผมที่มีรูปวาดและคำที่เธออ่านไม่ออก จากนั้นผมก็สอนเธอพูดภาษาไทยบางคำ เธอก็พยายามจะสอนผมพูดฝรั่งเศสนะ แต่ออกเสียงยากมาก เช่นตัว R เขาจะออกเสียงแบบ อา เคอะ อะไรนี้แหละ คือลำบากไปไหม 555

พอๆ นี้ไม่ใช่ชั่วโมงภาษาไทย ผมเปิดทีวีรอ แกะกล่องดีวีดีออกใส่แผ่นเข้าไปในเครื่องทันที (เครื่องเล่นดีวีดีซื้อมา 500 จากตลาดนัดมือสอง สภาพดีเยี่ยม แต่ปัจจุบันพังไปแล้ว) หนังสนุกดีครับ แต่ผมดูเป็นร้อยๆรอบแล้วเลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะตื่นเต้นตามแบบว่าเวลาพระเอกตีลังกาผมก็ เฮ โฮ เท่จัง โอ้ว เจ๋งจังเลย แล้วก็พยายามพูดตลกๆให้เธอฟังประมาณว่า ผมก็ทำได้นะ คุณอยากดูไหมละ อะไรทำนองนั้น พอนั่งจบ ผมก็เดินไปหยิบเบียร์มาให้เธอกิน ตอนแรกเธอก็ทำหน้าแปลกๆนะ คงจะเห็นผมเป็นคนแปลกหน้าแหละ ไม่เป็นไรไม่กินไม่เป็นไร ตูซัดคนเดียวก็ได้วะ แล้วเธอก็ถามว่า ดูภาคสองต่อไหน ผมก็แกล้งเนียนๆไปว่า ไม่เอาหรอก ถ้าดูจบแล้วกลัวว่าพรุ่งนี้เธอจะไม่มา แล้วเราก็หัวเราะกันเหมือนคนเมากัญชา

เวลาประมาณตี2 ตี3 เริ่มกรึมๆ ละ ผมซัดเบียร์ไป 4 กระป๋อง ส่วนเธอกินแต่น้ำผลไม้ พอเริ่มเมาผมก็เริ่มพูดมาก เล่านู้นเล่านี้สารพัด เล่าเรื่องชีวิตครอบครัวดราม่า เล่าเรื่องการหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียวที่นี้ การยังชีพแบบวันต่อวัน ระบายมันออกมาจนหมด พร้อมทั้งร้องไห้ไปด้วย เธอก็เข้ามากอดและลูบหลังผมเป็นการปลอบใจ พร้อมทั้งให้กำลังใจ(หรือด่า?)ด้วยภาษาฝรั่งเศสสลับอังกฤษ ถึงตอนนั้นผมจะเมาแต่ก็จำได้ดีว่าตัวเธอหอมมาก ไม่รู้ว่าหอมที่สบู่หรือหอมที่น้ำหอมแต่หอมสุดๆ หอมแบบฟีโรโมนพุ่งพล่าน หอมแบบไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย สรุปง่ายๆคืออารมณ์พุ่งพล่านเลยครับ แล้วก็ 555 ตามนั้นๆคงไม่ต้องบรรยายให้มากความเดี๋ยวมันจะนอกลู่นอกทางจนโดนแบนไปซะก่อน

ผมตื่นมาประมาณเที่ยงๆเกินบ่ายด้วยอาการหนักหัวสุดๆ เธอนอนก่ายผมอยู่สภาพเปลือยเปล่า ผมทักทายเธอและเธอก็ตอบกลับมาเป็นภาษาฝรั่งเศสน่าจะเป็นคำทักทายเหมือนกัน ผมพยายามเอาแขนเธอออกเพื่อที่จะได้เดินไป ฉี่ ตอนนั้นมันหนักท้องน้อยมากๆจะราดอยู่แล้ว แต่เธอก็รั้งผมไว้บอกว่าขออีกแปป ผมก็จำยอมไปตามนั้น

พอเธอตื่นมาแล้ว เราก็นั่งมองตากันครู่หนึ่ง เขินมากครับความรู้สึกตอนนั้น มันไม่เหมือนกับน้องนางชั่วคราว ในความรู้สึกของผมนี้คือพันธะ นี้คือความผูกพัน แต่ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า ผมถามเธอว่าเป็นไงบ้าง เธอบอกว่า เยี่ยม แล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำ ผมส่งผ้าเช็ดตัวให้เธอและบอกว่าเปิดไฟตรงไหน ตอนนั้นผมกลัวมากเลยครับ กลัวว่ามันจะกลายเป็นแค่คืนชั่วคราว แบบว่าเคยดูหนังฝรั่งมาเยอะ เขามักจะ One night stand กันแบบไม่คิดมาก ไม่ผูกพัน ผมก็เลยทำใจเผื่อไว้ก่อนละ คิดซะว่า สานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศละกัน

หลังจากที่เราทั้งคู่อาบน้ำกันเสร็จ ผมก็ถามเธอว่าจะไปไหนต่อดี เพราะผมจะออกไปทำงานแล้ว เธอก็บอกว่า ปกติแล้วเธอชอบไปเดินเล่นมากกว่า ไม่มีที่ไปเป็นหลักแหล่ง ผมเลยชวนเธอไปดูผมเล่นดนตรีอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ตอบรับอย่างดี แล้วเราก็ออกไปที่ชายหาดพร้อมกัน เธอนั่งรอผมตั้งแต่ต้นจนจบ และวิ่งหนีการ์ปไปด้วยกัน เรายิ้มหัวเราะและมีความสุขไปกับมัน ผมไม่มีวันลืมความรู้สึกตอนนั้นได้เลย แม้จะรู้สึกแปลกๆหน่อยก็เถอะที่หลายๆอย่างมันก้าวข้ามเร็วจนเกินไป แต่ก็ช่างเถอะนะ ความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาเสมอไปหรอกมันเป็นแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่ง ความเข้าใจกันและเคมีก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญเช่นกัน

อาทิตย์ต่อมาเราเปลี่ยนจากคู่เดท มาเป็นแฟนกัน ผมเรียกเธอว่า อิกกี้(แซวที่หน้าตาเธอเหมือน Iggy Azarel ต่างกันแค่สีผิว) ส่วนเธอเรียกผมว่า Blue (แต่เวลาประกอบกิจกรรมฮาเลลูย่าจะเรียกว่า Mr Blue เลียนแบบ Mr Grey ในFifty shades of grey แต่ผมไม่ได้เล่นอะวิตถารกันนะ) ช่วงนั้นผมอยู่กับเธอซะเป็นส่วนใหญ่ ประมาณว่าช่วงเห่อ 555 ผมไปหาเธอที่ห้องไม่ได้ เพราะที่นั้นเป็นห้องพักสำหรับผู้หญิงเท่านั้น (แต่ก็เคยแอบเข้าไปบ้าง2หน ติดสินบนยามหน้าหอ) ดังนั้นเธอจึงมาอยู่ที่ห้องผมซะส่วนใหญ่(ทุกวันเลยมากกว่า) ผมเริ่มไปเล่นดนตรีแบบวันเว้นวันละ แต่ก็ยังเต็มที่กับคนดูนะ เจอใครรู้จักก็ทักทายเหมือนเดิม แค่บอกเขาไปว่าช่วงนี้ติดธุระอาจจะไม่ได้มาทุกวัน

แล้วมาวันหนึ่งเธอก็ถามถึงเหตุผลที่ผมเริ่มออกมาบ้านมา ผมก็เลยเล่าเรื่องที่ผมอยากจะเขียนนิยายไป เธอก็ถามประมาณว่า ไหนละนิยายมรืง ตอนนั้นผมก็คิดตามนะ เออไหนฟ่ะ นิยายกรู - - คืนนั้นหลังจากเป็นทูตระหว่างประเทศไทยและฝรั่งเศสเสร็จแล้ว ผมก็เอาเวลาตอนที่เธอหลับ ไปนั่งร่างนิยายในสมุดโน้ตเล่มหนึ่ง ร่างไปจนเกือบจบเลย(มันคือเรื่อง CorpZe ที่ผมกำลังเขียนอยู่ในปัจจุบันนี้เอง) แต่ก็แค่ร่างนะ ยังไม่ได้เริ่มเขียนอะไรเลย

พอเธอตื่นมา ผมก็เล่าให้เธอฟังเป็นตุเป็นตะ แบบว่าตื่นเต้นมากที่ได้เริ่มลงมือทำอะไรซักอย่างเสียที ถึงเธอก็เห็นดีด้วยนะ แต่สนับสนุนความคิดผมเต็มที่ หลังจากวันนั้นเราก็เลยหาหนังซอมบี้ ซีรีย์ซอมบี้มาดูด้วยกัน จนแทบจะกินเนื้อคนกันได้ละ 555 War Z Walking Dead อะไรทำนองนั้น แถมเธอยังช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อเพิ่มเติมให้ผมอีกด้วย แหม ช่างน่ารักเหลือเกิน Iggy ของผม :D

นักดนตรีจอมยียวน แห่ง กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน

ยิ่งโตยิ่งกลัวอะไรที่ไม่ชัวร์ก็คงไม่มั่วแล้วลงมือ
BluCero
 
โพสต์: 730
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 11:25 am
ที่อยู่: เรือ Windy Mcbrine

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย BluCero เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 12:37 pm

นังนี้คือใคร? เธอถามผมจากด้านหลังในขณะที่ผมกำลังนั่งส่องรูปเบียร์เดอะว้อยซ์อยู่ เอ้า ก็ตอนแรกอาบน้ำอยู่ไม่ใช่เหรอฟะ ทำไมวาปมาเร็วเยี่ยงนี้ ผมก็ลืมหันไปแก้ตัวอย่างไวเลยครับ อ๋อ นักร้องคนดัง เห็นเขาแชร์กัน น่ารักดีอะไรประมาณนี้ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรนะ รักเธอคนเดียวจุ๊บๆ

แต่ประเด็นมันไปตกอยู่ที่เรื่องสีผิว(ได้ยังไงฟระ)ซะอย่างนั้น กลับกลายเป็นว่าเธอไม่พอใจที่ผมไปดูรูปสาวผิวขาวแล้วชมว่าสวย(จุดนี้บอกเลยว่าเธองี่เง่ามาก)แล้วเธอก็เริ่มบ่นๆๆ เป็นชั่วโมงเลยเรื่องสีผิว ซึ่งไม่ฟังก็ไม่ได้นะ 55 คิดง่ายๆคือผมเสียเวลาไปชั่วโมงกว่าๆเพื่อนั่งฟังเรื่องเดิมวนไปวนมา ผมเลยต้องยกประเด็นคนผิวสี คนอื่นๆที่โดดดังขึ้นมากลบเกลื่อน แต่เธอก็ยังไม่หยุดพูด ผมเลยต้องใช้ไม้ตายเดิมเสมอขึ้น จบกดแม่มพูดมากนัก สุดท้ายพอถึงวัลฮาลาเธอก็จะเงียบปากไปเอง 5555 (เล่ามาเรื่องสนุกนะ แต่เวลาเธอเริ่มบ่นผมนี้ครียดมากพอสมควรเลย)

ข้อเสียอีกเรื่องของผมคือชอบหลุดคำหยาบออกมา พวก F word อะไรทำนองนี้ ซึ่ง อิกกี้จะไม่ชอบคำพวกนี้มาก เธอเปรียบได้กับเด็กเรียนใส่แว่นหนาเต๊อะกระโปรงยาวๆ เสื้อหลวมๆ เกล้าผมเปิดเถิกประมาณนั้นเลย เวลาผมหยุดคำพวกนี้ออกมาก็มักจะมองด้วยสายตาไม่พอใจเสมอ ผมเลยต้องลดละเลิกแล้วหันไปเป็นเด็กดีเป็นไทยและเทศ มาถึงตอนนี้ก็ไม่ได้พูดคำหยาบมาพักหนึ่งแล้วครับ น่ารักไหม 5555

กลับไปที่เรื่องนิยายต่อ อยู่ดีๆเธอเป็นอะไรไม่รู้ มาถามว่านางเอกผิวสีอะไร ผมหน้าตึงเลยครับ เลยบอกไปว่า ผิวเหลืองแบบเอเชีย ก็นางเอกเป็นคนเอเชียนี้หว่า จะให้ไปผิวสีแบบฝั่งยุโรปได้ไง แล้วเธอก็ถามว่ามีคนผิวสีในเรื่องไหม?(ตอนแรกไม่มีหรอก)แต่พอถามขึ้นมาเท่านั้นแหละ มีเลย 5555 ผมละปวดหัวมากกับเรื่องพวกนี้ และเริ่มมีความรู้สึกแล้วว่า ผู้หญิงเนี้ย ไม่ว่าชาติไหน ก็เยอะพอๆกันนั้นแหละ นี้ยังไม่รวมเรื่องเสื้อผ้ากับรองเท้าด้วยนะ เธอซื้อของดีให้ผมเลย แบบว่าซื้อมา เซอร์ไพรส์ แม่มดีจนไม่กล้าใส่อะครับ รองเท้าบางคู่ราคาเกือบ7000ก็มี คือมีตังผมก็ไม่คิดจะซื้อหรอกมั้ง 555 แต่แปลกนะ ไม่ยักจะเห็นเธอซื้อกีตาร์ให้ผมเลย

ผมใช้แลปท๊อปของเธอในการเขียนนิยายตอนแรกๆ ประกอบกับหาเพลงหาหนังฟังไปด้วย ส่วนเธอชอบอ่านหนังสืออยู่ในห้องซะเป็นส่วนใหญ่ อันนี้เป็นข้อดีตรงที่ว่า เวลาเราทำเรื่องส่วนตัวเราก็มักจะมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองไปเลย ไม่ก้าวก่ายกันเท่าไหร่ ทำให้ต่างคนต่างทุ่มเทให้กับตัวเองได้เต็มที โดยที่ไม่มีมาขัดข้องกัน(อันนี้ยังไม่เคยเจอในสาวไทยเลย ปกติสาวไทยต้องแบบว่า นั่งพิมพ์ๆอยู่ ตัวเองไม่สนใจเขาเลย เราก็ต้องรีบผละจากงานตัวเองเพื่อไปเอาใจฝ่ายหญิง - - ซึ่งบ่องตงว่ารำคาญในบางครั้ง
เคยชวน อิกกี้ คุยเรื่องวันพีซครั้งหนึ่ง เธอบอกว่ารู้จักแต่ไม่ชอบหน้าพระเอกเท่าไหร่ ผมเลยจบการสนทนาแค่นั้นเลย เดี๋ยวเจ๊แกถามต่อไปอีกว่าพระเอกนางเอกผิวสีอะไร 5555

วันหนึ่งอากาศดีมากๆ เราตื่นเช้ากันทั้งคู่ ผมเลยชวนเธอนั่งรถเล่นไปที่ มหาวิทยาลัยที่ผมจบมา ไปเดินดูบรรยากาศเก่าๆ วันนั้นรักหวานชื่นมากเลยครับ กลีบดอกไม้โรยไปทั่วทาง เราเดินเล่นกันไม่กลัวแดด กอดกันกลมในจังหวะที่อยากกอด โดยที่ไม่แคร์สายตาใครเลย(ฝรั่งเขาทำกันเป็นเรื่องปกติ) บางทีเธอก็มักจะหอมแก้มผม หรือไม่ก็จูบผมเบาๆ แบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน ผมมีความสุขมากครับ สุขจนลืมคนทางบ้านไปเลย 555(แต่ช่วงนั้นก็เริ่มแอบๆส่องเฟซคนทางบ้านเหมือนกันโดยผ่านทางเพื่อนสนิทที่เป็นเฟรนกับคนที่บ้าน ก็ได้รับรู้ข่าวสารทางบ้านมาบ้าง เลยได้รู้ว่า ผมหายไปก็ไม่มีใครยี่หระเท่าไหร่ แทบจะไม่มีใครพูดถึงผมเลย ไม่เอาๆ ไม่ลากไปดราม่า555 ยังไงซะ ผมขอยกเครดิตเรื่องความจริงใจให้พี่สาวผมคนเดียวละกัน เพราะเธอเป็นคนเดียวที่อุตส่าห์ดันด้นทุกหนทางเพื่อที่จะได้เจอตัวผม ถึงขนาดสืบประวัติจากคอมจนเจอTOPผมก็แทบจะยอมแล้วครับ555 แต่ผมก็ยังทำไม่ดีกับแกอยู่เสมอ จึงอยากจะขอโทษเอาไว้ ณ ที่นี้และอยากจะบอกว่า ผมก็รักพี่เหมือนกัน แกคงอ่านมาไม่ถึงตรงนี้หรอก แกสายตาสั้นและผมจงใจพิมพ์ให้มันติดๆกันเข้าไว้ 555)

ว่าแต่ อิกกี้ จะอยู่อีกนานแค่ไหนละ ไม่กลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสเหรอ เนื่องจากเรา(ผม)ไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธอเท่าไหร่เลยไม่ทราบข้อมูลตรงนี้ดีนัก รู้แค่ว่าพอเข้าช่วงสัปดาห์ที่ 2 ที่เราคบกัน เธอก็ขอพ่อแม่อยู่ต่อที่นี้ โดยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมา(กล้าได้ไงฟะ) ตอนแรกทั้งสองท่านก็ไม่เข้าใจหรอก แต่สุดท้ายไม่รู้คุยอีท่าไหนท่านก็ยอม แล้วก็กลับประเทศไปก่อน ผมก็เลยไม่รู้ว่าอิกกี้จะกลับเมื่อไหร่และเธอมีแผนอย่างไรกับผมในอนาคต เพราะตอนนี้ผมเริ่มจะหลงรักเธอมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว แต่บางทีผมอาจจะคิดไปไกลเพียงคนเดียวก็ได้

อิกกี้ รักผมไหม? ผมถามขึ้นมาลอยๆในขณะที่กำลังเช็ดสายกีตาร์อยู่เตรียมตัวออกไปแสดงโชว์หาเงิน เธอหันมายิ้มๆไม่ตอบอะไรตามประสา ผมเลยลูบผมเธอเบาๆ ผมของเธอนิ่มสลายละมีกลิ่นแชมพูหอมฟุ้งออกมา ผมมองหน้าผู้หญิงคนนี้ จินตนาการต่อไปในอนาคต คิดถึงสิ่งที่กำลังรอพวกเราอยู่ พอแล้วละ ผมอยากจะหยุดแค่คนคนนี้แหละ ลงหลักปลักฐานสร้างครอบครัวกันใหม่ ผมไม่มีใครเหลือแล้วในชีวิต(เป็นเพียงแค่ในความคิด เพราะความจริงตระกูลผมสมาชิกเพียบ555)แต่ก็พร้อมที่จะเริ่มใหม่กับใครสักคนที่ใช่เสมอ ผมคลอเสียงกีตาร์เบาๆ เป็นการวอร์มนิ้ว แล้วก็เริ่มเกาเพลง I will ของ The Beatles



พร้อมทั้งสบตากับเธอ ร้องในจังหวะที่เป็นตัวผม เธอมองตากลับมาด้วยสายตาลึกซึ้งเราประสานกันเป็นกายเดียว เธอคลอเพลงตามผมยิ้มไปร้องไป โลกช่างสดใสสำหรับเราสองคน หลังจากที่ร้องจบแล้ว ผมก็ก้มลงไปจูบเธอ แล้วบอกเธอว่าผมรักเธอมากแค่ไหน เธอบอกว่าไม่รู้ว่าเธอรักผมมากแค่ไหน แต่เธอรักผมมากกว่าที่ผมรักเธอแน่นอน (โคตรเลี่ยน 5555) ผมเลยขึ้นเพลงที่สอง Till there was you ของ The Beatles เช่นกัน



ทั้งสองเพลงที่ยกมาเล่นนั้นความหมายหวานซึ้งปนเลี่ยนมากๆ 555 หลังจากที่เล่นจบ ผมก็ขอเธอแต่งงาน..
จริงๆ ขอแต่งงานจริงๆเลย แล้วเธอก็ตอบตกลงด้วยนะ (เป็นการแต่งงานที่ไม่เป็นทางการในทางกฏหมายและสังคม แต่ในทางใจผมเชื่อว่ามันสมบูรณ์แบบแล้ว) เธอยอมรับผม เป็นสามี และผมก็ยอมรับเธอในฐานะ ภรรยา เรากล่าวคำปฏิญาณกันต่อหน้าวง The Beatles Oasis และ Green day

วันนั้นผมไม่ออกไปทำงานอีกครั้ง ใช้เวลากับภรรยาทั้งวันในห้อง คุยเรื่องต่างๆนานา และผมก็มีความคิดเริ่มอยากจะไปหางานประจำทำแล้ว เพื่อที่จะได้ซื้อที่อยู่เป็นของตัวเอง อิกกี้ จะจัดการหาที่พักเอง เธอพอจะมีเงินเก็บอยู่ แต่ผมก็พูดเท่ๆไปว่า เงินส่วนนั้น เก็บไว้ให้ลูกของเรากันดีกว่า ตอนนี้เรามาใช้กำลังของเราทั้งคู่ที่มีบวกพลังสมอง ร่วมสร้างครอบครัวด้วยกันดีกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย BluCero เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 12:40 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
นักดนตรีจอมยียวน แห่ง กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน

ยิ่งโตยิ่งกลัวอะไรที่ไม่ชัวร์ก็คงไม่มั่วแล้วลงมือ
BluCero
 
โพสต์: 730
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 11:25 am
ที่อยู่: เรือ Windy Mcbrine

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย BluCero เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 12:38 pm

จัดยาวมาก เดี๋ยวกลับห้องก่อนละครับ ไม่ไหวละมึน ไอ้เด็กข้างๆก็กวนประสาทอยู่ได้ นี้ผมพิมพ์ไปน้ำตาไหลไปเลยนะเนี้ย ไว้พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาว่างจะมาพิมพ์ต่อให้จบนะครับ

ตอนแรกว่าจะนิดเดียวไหงลากยาวมาได้ขนาดนี้ฟะตรู 555
นักดนตรีจอมยียวน แห่ง กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน

ยิ่งโตยิ่งกลัวอะไรที่ไม่ชัวร์ก็คงไม่มั่วแล้วลงมือ
BluCero
 
โพสต์: 730
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 11:25 am
ที่อยู่: เรือ Windy Mcbrine

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย nuiza เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2016 1:03 pm

จริงๆผมก็มีประสบการ์ณนะ ที่ไม่ใช่คนไทยเนี่ย
nuiza
 
โพสต์: 1505
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 24, 2016 11:18 am

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย Goku ss4 เมื่อ อังคาร มิ.ย. 28, 2016 3:53 am

BluCero เขียน:จัดยาวมาก เดี๋ยวกลับห้องก่อนละครับ ไม่ไหวละมึน ไอ้เด็กข้างๆก็กวนประสาทอยู่ได้ นี้ผมพิมพ์ไปน้ำตาไหลไปเลยนะเนี้ย ไว้พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาว่างจะมาพิมพ์ต่อให้จบนะครับ

ตอนแรกว่าจะนิดเดียวไหงลากยาวมาได้ขนาดนี้ฟะตรู 555

รอๆๆๆๆ :mrgreen:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Goku ss4
 
โพสต์: 1410
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 8:34 am

Re: เรือ Windy Mcbrine กลุ่มโจรสลัดทานตะวัน : )

โพสต์โดย Goku ss4 เมื่อ อังคาร มิ.ย. 28, 2016 3:54 am

nuiza เขียน:จริงๆผมก็มีประสบการ์ณนะ ที่ไม่ใช่คนไทยเนี่ย

เล่าในนี้ก็ได้ครับ :mrgreen:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Goku ss4
 
โพสต์: 1410
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 8:34 am

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง Kaizoku & Misc BOARD

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน