ตามสัญญาครับ กลั่นกรองมาจากลีโอ1กระป๋อง กับเด็กกระโปกเครื่องข้างๆ
หลังจากที่ผมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองไปในทิศทางที่ชอบจริงๆ เอาตัวออกห่างจากสิ่งที่ไม่ใช่ สิ่งที่ถูกบังคับมาเนินนาน รวมถึงตีตัวออกห่างอย่างห่วงๆจากคนที่ไม่ค่อยจะเข้าใจผม(รู้ว่าเขาห่วงผมก็ห่วงพวกเขา) ผมออกจากบ้านมาพร้อมกับกีตาร์1ตัว กระเป๋าเดินทางที่มีเสื้อผ้าไม่กี่ชุด สมุดสำหรับจดบันทึก กระเป๋าตัง ปิ๊กและซีดีเพลงสองสามแผ่น(ไม่มีโทรศัพท์มือถือด้วยนะเออ)
ผมพกเงินติดตัวมาด้วยประมาณ10000บาทกะอยู่อย่างราชาได้ซักสองสามเดือนชะลอเวลาไว้ก่อนเพื่อที่จะทำงานที่คิดไว้ให้เสร็จ(งานเขียน) ที่ไหนได้โง่บรมขอด่าหน่อย555 ครึ่งเดือนแรกก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วครับ เป็นเพราะส่วนหนึ่งผมติดสบายและฟุ่มเฟือยเกินไปด้วยแหละ แถมที่ที่ผมไปอยู่ก็แสงสีบันเทิงจัดเต็มสุดๆ ไปนั่งร้านตอนกลางคืนแปปหมดไป1000-2000ละ (ผมเช่าคอนโดของคนรู้จักซึ่งให้ความกรุณากับผมมากๆ ตอนแรกกะจะให้อยู่ฟรีเลย แต่ผมรู้สึกแปลกๆเลยขอเป็นเดือนละ1000 แทน(ไม่รวมน้ำไฟ))
ทุกวันที่ผมตื่นมาจะอยู่ในสภาพมึนๆเสมอ เหม่อลอยเคว้งคว้างคิดถึงความฝันของตัวเองในอนาคต ชื่นชมตัวเองแบบโง่ๆว่าเท่จังเลยที่ออกมาอยู่คนเดียวได้ซักที ล่องลอยไปกับความคิดประหลาดๆ พอตกเย็นก็ออกไปเดินเล่นแล้วก็จบที่ร้านดื่ม (สรุปคือไม่ได้เริ่มทำห้าอะไรเลยที่เกี่ยวกับงานเขียน) อยู่ไปได้ประมาณสัปดาห์กว่าๆเงินหมดไป 7000 แล้ว OMG พระเจ้านี้มันอะไรของกรูฟ่ะเนี้ย เกิดมาไม่เคยฟุ่มเฟือยเละเทะขนาดนี้มาก่อน เหลวไหลและเหลวแหลกที่สุดในชีวิต คือมันดำดิ่งลงไปแบบน่ารังเกียจมากๆอะครับ ตอนนั้นสภาพไม่ต่างจากซากคนเลย ขี้เมาหยำเป หัวราน้ำ บ่นๆ 55555
จนวันหนึ่ง เด็กร้านที่ผมไปนั่งบ่อยๆเขาลาออกไป ผมเลยไม่เข้าไปในร้านวันนั้น เอาเวลาทั้งคืนไปนั่งอยู่ริมชายหาดกับเบียร์ 4 กระป๋อง นั่งมองคลื่นไปเรื่อยเปื่อยคิดอะไรเพลินๆ พอเริ่มเมาก็เริ่มคึกนั่งร้องเพลงอยู่คนเดียว ปรากฏว่ามีฝรั่งคนหนึ่งเขาชอบเพลงคล้ายกับผม(The Beatles,Oasis) พอเขาได้ยินผมหอน เขาซึ่งเมาได้ที่เหมือนกันก็มาร่วมกันหอนด้วย แล้วก็ชมว่าผมร้องดี ตอนแรกก็ไม่เอะใจอะไรหรอก เพราะเมา เมาทั้งคู่ด้วย555 แต่พอคิดไปคิดมา เออ เรามาลองเปิดหมวกหาตังแถวๆนี้ก็ได้นี้หว่า แอบๆเล่นเทศกิจเล่นเอา
ว่าแล้วผมก็รีบกลับห้องไปแกะเพลงทันทีเลย กะว่าวันต่อมาจะมาลองของซะหน่อย ช่วงนั้นผมคิดอะไรแล้วลงมือทำหมดทุกอย่างเลย แบบว่าหลุดโลกมาก 555 (เคยคิดจะขโมยมอเตอร์ไซด์ครั้งหนึ่ง แต่ดันเห็นเจ้าของเขามากับลูกก่อนเลยเปลี่ยนใจ เลวมากเรา)
บ่ายของวันถัดมา ผมพกความร้อยใจไป120 กับเงินอีก200 แล้วก็กีตาร์โปร่ง 1 ตัว ดรอปสายเรียบร้อย ไม่มีการเอาโพยเอากระดาษใดๆไปทั้งสิ้น เนื้อเพลงและคอร์ดอยู่ในหัวของผมหมดแล้ว เดินหาทำเลและช่องทางหลบหนีได้ครู่หนึ่ง ผมก็ลงหลักปักฐานบรรเลงบทเพลงสี่เต่าทองทันที
ฟีดแบคดีมากครับ เล่นไปได้ครึ่งเพลงฝรั่งแถวนั้นก็เริ่มสนใจโดยเฉพาะพวกรุ่นใหญ่ที่กำลังหาซื้อเบียร์กับม่อสาวแถวนั้นอยู่ บางคนถึงกับมายืนจับกลุ่มคุยกันต่อหน้าผมเลย ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคุยอะไรกัน แต่เห็นทำท่าทางในเชิงบวก ก็เลยจัดแม่มต่ออีก4เพลงรวด เขาก็เริ่มมีเขียนกระดาษส่งมาให้ผมโดยมีชื่อเพลงที่เขาต้องการอยู่ในนั้น3เพลง (ตอนนั้นเล่นได้2เพลง) พร้อมกับแนบแบงค์พันมาด้วย
พระเจ้ายอด ผมนี้มือสั่นเลยครับ อันบีลิฟเอเบิ้ล สุดๆ ก็รับมาแล้วก็แต๊งกิ้วๆ ไอ วิล ดู มาย เบสท์ แล้วผมก็จัดไปตามที่เขาขอ โดยจัดไปแค่2เพลงเท่านั้นเพลงที่สามทำฟอร์มเหนื่อยเขาก็เข้าใจแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป ยอดรวมวันนั้นกวาดรายไป 1200กว่าบาท ใน 1 ชั่วโมงครึ่ง โคตรเมพ โคตรเมพ นับจากวันนั้นผมก็ไม่โผล่หัวไปร้านเหล้าอีกเลย 555 เอาเวลาทั้งคืนไปนั่งแกะเพลง ไปตามร้านขายเพลงในห้างเนียนฟังเพลงบ้าง ไปดูร้านหนังสือไปแอบยืนจำคอร์ดบ้าง เรียกได้ว่าขลุกอยู่กับกีตาร์จนแทบจะเอาเป็นเมียเลยทีเดียว
ช่วงนั้นรายรับผมต่อวันจะตกที่ 400-500 ต่อชั่วโมงครึ่งนะครับ เคยมีสูงสุดอยู่ที่ 2000 คือแถวที่ผมเล่นเนี้ย ส่วนใหญ่จะเป็นที่ที่ฝรั่งเดินไปเดินมากันเยอะ และฝรั่งนี้เป๋าหนักกันมาก
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะแปลกใจนะ ว่าทำไมผมถึงเล่นแค่วันละ ชั่วโมงครึ่ง คือ แถวที่ผมไปแอบเล่นมันเป็นทำเลทองอะครับ จะมีเจ้าถิ่นมาตอนเย็นๆ เขาจะมาเล่นพวกเพลงเพื่อชีวิตกับเพลงฝรั่งเก่าๆแนวEagle CCR อะไรพวกนี้ แล้วเขาจะโหดกับคนที่พยายามจะมาแย่งที่เขามาก(ฟังมาได้ข่าวว่ามีดักกระทืบด้วย) ผมเลยต้องอยู่แบบฉวยโอกาสช่วงที่เขายังไม่มาเล่นกัน(แดดร้อนโคตร หน้าไหม้ทุกวัน)
อีกหนึ่งปัญหากวนใจของผมนั้นก็คือเทศกิจ (ผมก็น่าจะกวนใจเขาเหมือนกัน555) มีสองคน อ้วนผอมตามสูตร ชือพี่ ท. กับ พี่ พ. (ขอใช้เป็นชื่อย่อ) แกสองคนไล่จับผมแทบจะทุกวันเหมือนการ์ปไล่จับโรเจอร์ก็ไม่ปาน ผมเคยถูกแกจับได้นะ แต่แค่ครั้งเดียว คือครั้งแรกเลย แล้วก็ถูกปล่อยตัวไปแบบมึนๆ ส่วนครั้งต่อๆมา ฮึม ไม่ได้แล่กตรูหลอก (ปัจจุบันสนิทกันแล้วสังสรรค์กันบ่อยพอสมควร)
ผมจึงใช้วิธีนี้เลี้ยงชีพไปวันๆก่อน ประกอบกับลดค่าใช้จ่ายไร้สาระไปด้วยจึงทำให้มีเงินเก็บมาซื้อโทรศัพท์กากๆใช้ แล้วก็มีเงินไปหาจิตแพทย์... โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล. ไหนวะ สาวฝรั่งเศส!!!! ใจเย็นๆครับ อันนี้ปฐมบท 55555555 ตอนแรกจะเขียนเลยแต่ดันเขียนเกริ่นมันมือไปหน่อยยาวเฉยเลย(แต่ถ้านับจากเรื่องจริงถือว่าย่อมากกกกก)